Embedded Pc ราคา
การทำงานกับคลิปวิดีโอใน Media Library เราสามารถเลือกทำงานกับไฟล์ต่างๆ ที่เลือกนำเข้ามาใน Media Library ได้ง่าย ๆ ผ่านทางแถบเครื่องมือแสดงผลคล้าย ๆ กับการเล่นเครื่องเล่นวิดีโอทั่วไป ขั้นตอน ดังรูป 2 ต่อไปนี้ 2. 1 ลองทำงานกับคลิปวิดีโอ สำหรับปุ่มคำสั่งในแถบเครื่องมือควบคุมการแสดงผลที่อยู่ใน Preview Window มีหลักการทำงานง่าย ๆ ขั้นตอน ดังรูป 3 ต่อไปนี้ 1. Jog bar: เลื่อนเพื่อให้แสดงตำแหน่งคลิป 2. play: เล่นคลิปที่เราเลือก 3. home: ตัวเลื่อนของ jog bar กลับไปที่จุดเริ่มต้น evious: ให้ตัวเลื่อนของ jog bar ไปยังเฟรมก่อนหน้า: ให้ตัวเลื่อนของ jog bar ไปยังเฟรมถัดไป: ให้ตัวเลื่อนของ jog bar ไปยังจุดสุดท้ายของคลิป: ให้แสดงคลิปเล่นวนไปเรื่อย ๆ: เลือกเปิด / ปิด คลิปวิดีโอ 9. timecode: แสดงช่วงเวลาของคลิปที่แสดง 2. 2 เล่น/หยุด คลิปวิดีโอ การเล่นคลิปวิดีโอทำได้ง่ายๆ ขั้นตอน ดังรูป 4 ต่อไปนี้ 1) เลือกคลิปวิดีโอที่ต้องการเล่น 2) คลิกเมาส์ที่ปุ่ม Play เพื่อทำการเล่นคลิปวิดีโอที่เลือก เมื่อกำลังแสดงคลิปปุ่ม Play จะเปลี่ยนเป็นปุ่ม Pause สำหรับคลิกเพื่อพักการเล่นคลิป และหากต้องการแสดงคลิปต่อ ก็คลิกที่ปุ่ม Pause อีกครั้ง 2.
Insert Layer – ใช้สำหรับเพิ่มเลเยอร์ใหม่ (ถ้าต้องการเปลี่ยนชื่อให้คลิกสองทีที่ชื่อเลเยอร์) 2. Add Motion Guide – ใช้สำหรับสร้างเส้นไกด์นำสำหรับการทำอนิเมชั่น (ยังไม่กล่าวถึงในหัวข้อนี้) 3. Insert Layer Folder – เพิ่มโฟลเดอร์สำหรับจัดเก็บเลเยอร์เป็นหมวดหมู่ 4. Delete Layer – ลบเลเยอร์ที่เลือกอยู่ ส่วนปุ่มด้านล่างนี้มีไว้สำหรับการย่อ/ขยาย หรือ ซ่อน/แสดง ไทม์ไลน์เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการทำงานกับสเตจได้มากขึ้น เมื่อเราลองทำการสร้างโฟลเดอร์และเลเยอร์ แล้วใช้เครื่องมือ selector คลิกค้างแล้วลากจะสามารถลากเข้าไปเก็บใส่เลเยอร์โฟลเดอร์ได้ดังภาพ นอกจากเครื่องมือที่กล่าวไปเบื้องต้นแล้ว ยังมีส่วนควบคุมแต่ละเลเยอร์อีก 3 ตัวดังนี้ โดยเรียงลำดับจากซ้ายไปขวาคือ 1. Show/Hide All Layers – ทำการแสดงหรือซ่อนเลเยอร์ทุกเลเยอร์ ซึ่งจะทำให้วัตถุที่อยู่ในเลเยอร์นั้นมองไม่เห็น (แต่จะแสดงผลตอนพรับบริชหรือไม่นั้น อยู่ที่การตั้งค่าการพริชบริชอีกที) 2. Lock/Unlock All Layers – ทำการล๊อกหรือหยุดล๊อกเลเยอร์ทุกเลเยอร์ ซึ่งจะทำให้เราไม่สามารถเลือกวัตถุที่อยู่ในเลเยอร์นั้นได้ 3.
บทที่ 3 รู้จักเครื่องมือพื้นฐานในการทำงานกับคลิปวิดีโอ Corel VideoStudio Pro X7 มีเครื่องมือต่างๆ ในการทำงานร่วมกับคลิปวิดีโอ เช่น การเรียงลำดับคลิปจากส่วนของ Storyboard and Timeline หรือการเลือกส่วนของคลิปที่ต้องการโดยใช้แถบเครื่องมือในหน้าต่าง Preview Window 1. การนำไฟล์ต่าง ๆ เข้ามาใน Media Library นอกจากการนำเข้าไฟล์วิดีโอจากอุปกรณ์ดิจิตอล เช่น จากกล้องวิดีโอที่กล่าวถึงไปแล้ว เราสามารถนำไฟล์จากแหล่งอื่น เช่น ไฟล์วิดีโอที่เก็บอยู่บนเครื่องเข้ามาใน Media Library เพื่อรอ ที่จะใช้ในการตัดต่อ โดยประเภทของไฟล์มีเดียที่เราสามารถเลือกนำเข้ามาได้ มีดังนี้ คลิปวิดีโอ: ไฟล์วิดีโอนามสกุลไฟล์ต่าง ๆ เช่น. mp4,,. 3gp, เป็นต้น ภาพนิ่ง: ไฟล์ภาพนิ่งชนิดต่าง ๆ เช่น,, เป็นต้น คลิปเสียง: ไฟล์ที่เราอัดไว้เพื่อใช้ประกอบ เช่น. mp3,, เป็นต้น วิธีการนำไฟล์มีเดียเข้ามา Media Library ขั้นตอนดังรูป 1 ต่อไปนี้ 1) คลิกที่ปุ่ม Import File เข้าสู่ Library 2) คลิกไปยังตำแหน่งเก็บ Media File 3) เลือกไฟล์ที่ต้องการ จากนั้นคลิกที่ปุ่ม Open ไฟล์ที่นำเข้าสู่ Media Library จะปรากฏ โดยแยกออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้ Videos: แสดงนำเข้าไฟล์คลิปวิดีโอ Photos: แสดงนำเข้าไฟล์คลิปภาพนิ่ง Audio Files: แสดงนำเข้าไฟล์คลิปเสียง ไฟล์ที่แสดงใน Media Library เป็นการแสดงเชื่อมโยงไฟล์ต่าง ๆ เท่านั้น ไม่ใช่เป็นการดึงไฟล์นั้นมาจริง ๆ โดยเมื่อปิดโปรแกรมแล้วเข้าใหม่ ไฟล์นั้นยังคงแสดงเหมือนเดิม สามารถเราเลือกใช้งานได้ตลอดเวลา 2.
บันทึกวิดีโอที่สร้าง หลังจากที่เราทำการตัดต่อวิดีโอเสร็จเรียบร้อย คราวนี้เราจะทำการบันทึกงาน โดยการบันทึกงานนี้ไม่ใช่การแปลงงานออกมาเป็นภาพยนตร์ แต่เป็นการบันทึกงานวิดีโอที่เราตัดต่อเอาไว้ เพื่อจะนำมาแก้ไขหรือแปลงออกมาเป็นไฟล์วิดีโอในภายหลัง โดยนามสกุลของไฟล์ที่บันทึกจะมีนามสกุล (Corel VideoStudio Pro Document) โดยมีขั้นตอนแสดง ดังรูป 15 ต่อไปนี้ 1) เลือก File > Save As… เพื่อสั่งบันทึกงาน 2) ไปยังตำแหน่งที่บันทึกงาน 3) ตั้งชื่อให้กับไฟล์งาน 4) คลิกเมาส์เพื่อบันทึกไฟล์งาน 4. เข้าใจเรื่องการใช้งานคลิป และ Project ในการตัดต่อวิดีโอบน Corel VideoStudio นั้น ควรทำความเข้าใจเรื่องการใช้งานคำสั่ง เกี่ยวกับคลิป และคำสั่งเกี่ยวกับ Project นั้น โดยมีความแตกต่างแสดง ดังรูป 16-17 ต่อไปนี้ 1) คำสั่งเกี่ยวกับคลิป (Clip): แสดงเฉพาะคลิปที่เราเลือก 2) คำสั่ง Project: แสดงคลิปทุกคลิปที่อยู่ใน Storyboard and Timeline 5.
ชั่วโมงและทรัพยากรชนิดใดที่พร้อมใช้งานในการทำแต่ละงานให้เสร็จสมบูรณ์ ย้อนกลับไปในขั้นตอนที่ 2 คุณสร้างระยะเวลาที่ต้องใช้ในการทำภารกิจหลักของโครงการให้เสร็จ ขณะนี้ได้เวลาใช้เวลาและทรัพยากรที่คุณประมาณไว้โดยการรวบรวมจากเหล่าหัวหน้าทีม การรู้ว่าภารกิจบางอย่างควรใช้เวลาห้าวันเป็นสิ่งสำคัญก็จริง แต่ผู้นำที่มีระเบียบวินัยที่ไม่สามารถทำงานให้เสร็จได้ภายในห้าวันนั้นทำให้เห็นได้ชัดว่าเป็นปัจจัยที่มีความซับซ้อน การกระทบยอดจุดของข้อมูลทั้งสองจะช่วยให้คุณระบุจุดเสียดทานที่เป็นไปได้หรือความต้องการผู้รับเหมาภายนอก 6.
ฉันจะแบ่งเป้าหมายสุดท้ายให้ออกเป็นงานแต่ละงานได้อย่างไร ขั้นตอนแรกในการสร้างไทม์ไลน์ที่ครอบคลุมงานทั้งหมดคือการเริ่มแบ่งส่วนโครงการออกมาเป็นข้อๆ ใช้วัตถุประสงค์ท้ายสุดของคุณและทำงานย้อนหลังเพื่อสร้างแผนที่งานแต่ละงานที่จะต้องทำให้เสร็จเพื่อให้ถึงเป้าหมายสุดท้าย เริ่มต้นด้วยประเด็นสำคัญเท่านั้น จากนั้นทำการกวาดผ่านเส้นลำดับเวลาเพื่อสร้างช่วงเวลาที่ละเอียดยิ่งขึ้นในระหว่างนั้น ขึ้นอยู่กับวิธีที่คุณใช้จัดการโครงการของคุณ เหตุการณ์สำคัญเล็กๆ เหล่านั้นสามารถจัดกลุ่มตามลำดับเวลาเริ่ม-จบงาน โครงการแบบวอเทอร์ฟอลส่วนใหญ่จะวาดกรอบงานของพวกเขาจากจุดสำคัญหลักๆ 2.